วันพุธที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ใบงานที่ 2

ความรู้เกี่ยวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์

1. โปรแกรมคอมพิวเตอร์ หมายถึงอะไร
    
       โปรแกรมคอมพิวเตอร์ หมายถึง คำสั่งหรือชุดคำสั่ง ที่เขียนขึ้นมาเพื่อสั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์

ทำงานตามที่เราต้องการ เราจะให้คอมพิวเตอร์ทำอะไรก็เขียนเป็นคำสั่ง ซึ่งต้องสั่งเป็นขั้นตอนและ

แต่ละขั้นตอนต้องทำอย่างละเอียดและครบถ้วน ซึ่งจะเกิดเป็นงานชิ้นหนึ่งขึ้นมามีชื่อเรียกว่า "โปรแกรม"

2. ประเภทของโปรแกรมคอมพิวเตอร์
    
ซอฟต์แวร์จะแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 2 ประเภท คือ

               1.1 ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software)

               1.2 ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software)

3. ตัวอย่างโปรแกรมคอมพิวเตอร์

3.1 Samsung Odin

     เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการ flash firmware ของ Samsung Galaxy โดยภายในโปรแกรมจะมีคำสั่งต่างๆ ที่ใช้ในการ flash เช่น modem, bootloader, csc หรือ PIT file
     การใช่้โปรแกรมตัวนี้ควรใช้อย่างระมัดระวัง เพราะเป็นการดัดแปลง แก้ไขไฟล์ระบบ (System App)
หรือระบบ (System) ต่างๆ ซึ่งถ้าไมีมีประสบการณ์ในการใช้ อาจเป็นสาเหตุทำให้เครื่องค้างได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากในการกู้คืนข้อมูล

3.2 Paint Tool SAI

   

     เป็น โปรแกรมวาดรูป จากทีมผู้พัฒนาโปรแกรมจากแดนอาทิตย์อุทัย หรือจาก ประเทศญี่ปุ่น (Japan) มีประวัติการพัฒนามาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996 เลยทีเดียว โปรแกรม PaintTool SAI นี้ถูกพัฒนาขึ้นมา เพื่อที่จะให้คุณได้ ปลดปล่อยจินตนาการ ให้คุณได้ปลดปล่อยจินตนาการของคุณออกมาได้ อย่างเต็มที่ หน้าตาของ โปรแกรม PaintTool SAI ก็ใช้งานง่าย ไม่หนักเครื่อง ตัวโปรแกรม PaintTool SAI ทำงานได้เสถียร และภายใน PaintTool SAI ประกอบไปด้วยเครื่องมือสำหรับฝึกวาดภาพ วาดรูป ต่างๆ นานา มากมาย อาทิ AirBrushe PaintBrush เครื่องมือวาดสีน้ำ ดินสอ และยางลบ

     โปรแกรม PaintTool SAI ตัวนี้ รองรับการแก้ไขภาพ วาดภาพ ในรูปแบบของลำดับชั้นเลเยอร์ (Layer) ที่จะช่วยให้คุณได้ตกแต่งกราฟฟิกได้อย่างสมจริง และย้อนหลังกลับไปแก้ส่วนประกอบต่างๆ ได้ง่ายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้โปรแกรม PaintTool SAI ยังสามารถปรับแต่ง แก้ไขภาพถ่าย รวมถึงงานอาร์ตเวิร์คต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์แบบมากๆ

3.3 Microsoft Office Word
    
     ไมโครซอฟท์เวิร์ด (Microsoft Word) คือโปรแกรมประเภท word processor ที่ใช้เหมาะสำหรับการพิมพ์รายงาน พิมพ์จดหมาย หรือจะใช้สำหรับแต่งนิยายก็ยังได้ เป็นหนึ่งในโปรแกรม ไมโครซอฟท์ออฟฟิศ ซึ่งมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง หลากหลายเวอร์ชั่น แต่อย่างไรก็ตาม โดยหลักการ ถ้าเราศึกษาไมโครซอฟท์เวิร์ดเวอร์ชั่นใดเวอร์ชั่นหนึ่ง เราก็จะสามารถเรียนรู้เวอร์ชั่นอื่นๆ ได้ค่อนข้างง่าย เพราะส่วนใหญ่เวอร์ชั่นใหม่ๆ ก็จะการเปลี่ยนแปลงในลักษณะเพิ่มเติมเสียมากกว่าการลบออกไป

วันพุธที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2560



C หรือ C Language (ภาษาซี) คือ ซึ่งเป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้สำหรับพัฒนาโปรแกรมทั่วไป ถูกพัฒนาโดยเดนนิส ริสชี่ (Dennis Ritchie) เมื่อประมาณต้นปีค.ศ. 1970 เพื่อใช้งานบนระบบปฏิบัติการยูนิกส์ แทนภาษาแอสเซมบลี ซึ่งเป็นภาษาระดับต่ำที่สามารถกระทำในระบบฮาร์ดแวร์ได้ด้วยความรวดเร็ว แต่จุดอ่อนของภาษาแอซเซมบลีก็คือความยุ่งยากในการโปรแกรม ความเป็นเฉพาะตัว และความแตกต่างกันไปในแต่ละเครื่อง ต่อมาถูกนำไปใช้ในระบบปฏิบัติการต่าง ๆ จนถูกใช้เป็นภาษาพื้นฐานสำหรับภาษาอื่น เช่น ภาษาจาวา Java ภาษาพีเอชพี (PHP) ภาษาซีชาร์ป C# ภาษาซีพลัสพลัส C++ ภาษาเพิร์ล (Perl) ภาษาไพทอล (Python) หรือภาษารูบี้ (Ruby) ภาษาซีเป็นภาษาเขียนโปรแกรมระบบเชิงคำสั่ง (หรือเชิงกระบวนงาน) ถูกออกแบบขึ้นเพื่อใช้แปลด้วยตัวแปลโปรแกรมแบบการเชื่อมโยงที่ตรงไปตรงมา สามารถเข้าถึงหน่วยความจำในระดับล่าง ภาษา C แม้จะเป็นภาษาระดับสูง แต่ก็สามารถใช้เป็นภาษาเครื่องได้เป็นอย่างดี




ตัวอย่างโครงสร้างเบื้องต้น
การเขียนโปรแกรมไม่ว่าจะเป็นภาษาใดก็ตาม ก็จะมีโครงสร้างของตัวภาษาอยู่ภาษาซีก็เช่นเดียวกัน โดยส่วนใหญ่ประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลักๆ คือ ส่วนหัว(Header) ส่วนประกาศตัวแปร(Declaration) และส่วนคำสั่ง(Body)



ส่วนที่ 1 ส่วนหัว (header)

ส่วนหัวเป็นส่วนที่ระบุซีคอมไพเลอร์เตรียมการทำงานที่กำหนดในส่วนนี้ไว้ โดยหน้าคำสั่งจะมีเครื่องหมาย # ตัวอย่าง

# include <stdio.h>

หมายถึง เป็นการระบุให้นำไฟล์ stdio.h มารวมกับไฟล์นี้ เพื่อที่จะสามารถใช้คำสั่งที่อยู่ในไฟล์นี้มาใช้งานได้

# define START 0

หมายถึง เป็นการกำหนดค่าคงที่ให้กับตัวแปร START โดยให้มีค่าเป็น 0

# define temp 37

หมายถึง เป็นการกำหนดให้ตัวแปร temp มีค่าเท่ากับ 37

ส่วนที่ 2 ประกาศตัวแปร (Declaration)

ส่วนประกาศตัวแปร เป็นการกำหนดชนิดข้อมูลที่จะใช้ในโปรแกรม ซึ่งตัวแปร หรือข้อมูลต่างๆนั้นจะถูกประกาศ(Declare) ในส่วนนี้ก่อน จึงจะสามารถนำไปใช้ในโปรแกรมได้ดังตัวอย่าง

int stdno;

หมายถึง เป็นตัวกำหนดว่าตัวแปร stdno เป็นชนิดข้อมูลจำนวนเต็ม integer ซึ่งอาจได้แก่ค่า 0,4,-1,-3,...เป็นต้น

float score;

หมายถึง เป็นการกำหนดว่าตัวแปร score เป็นข้อมูลชนิดเลขมีจุดทศนิยม(floating point) ซึ่งอาจมีค่า 0.23, 1.34, -21.002,….เป็นต้น

ส่วนที่ 3 ส่วนตัวคำสั่ง (Boddy)

ส่วนตัวคำสั่ง คือส่วนของโปรแกรม โดยจะต้องเริ่มต้นด้วยฟังก์ชัน main () แล้วใส่เครื่องหมายกำหนดขอบเขตเริ่มต้นของตัวโปรแกรมคือ { หลังจากนั้นใส่คำสั่งหรือฟังก์ชันต่างๆโดยแต่ล่ะคำสั่งหรือฟังก์ชันนั้นๆ จะต้องปิดด้วยเครื่องหมาย ; เมื่อต้องการจบโปรแกรมให้ใส่เครื่องหมาย } ดังตัวอย่าง

main ()

{ /*เริ่มต้นโปรแกรม*/

คำสั่งต่างๆ ;

ฟังก์ชั่น ;

....................

.....................

}/*จบโปรแกรม*/





ตัวอย่างโปรแกรม
http://www.pkmaths.com/webboard/index.php?PHPSESSID=5d4364bcb710c1312e6d90fd225401b1&topic=339.0
http://www.pkmaths.com/webboard/index.php?PHPSESSID=5d4364bcb710c1312e6d90fd225401b1&topic=171.0
ที่มา
http://www.pkmaths.com/webboard/index.php?board=8.0